สารัตถะขอเชิญชวนมาร่วมตามรอยแรงบันดาลใจ ศิลปิน นพนันท์ ทันนารี ในกิจกรรม อยุธยา วันเดย์ทริป&nbsp;ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ &lsquo;Spirit of the Land &mdash; Part 2&rsquo; ที่จะเปิดตัวครั้งแรกที่โรงแรม ศาลา อยุธยาในวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 นี้ รายละเอียดกิจกรรม &lsquo;Ayutthaya One-Day Trip&rsquo; follow in the footsteps of artists through the places that inspired them, accompanied by the rich history behind each location นำชมโดย &bull; Siripoj Laomanacharoen (Lecturer, Writer) &bull; Noppanan Thannaree (Artist of &lsquo;Spirit of the Land&rsquo;) Saturday 18 January, 2025 07.00 - 19.30 2,500 THB (ราคารวมอาหารกลางวันและค่าเดินทาง) จำนวนจำกัด . . ตารางกิจกรรมและสถานที่07.00 น. พบกันที่จุดนัดพบ (ปั๊มปตท. วิภาวดี ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่จักรพงษภูวนารถ) ลงทะเบียน รับอาหารเช้า เครื่องดื่ม  Google Map: <a href="https://maps.app.goo.gl/8JYZAiGfDubYU2ms6?g_st=com.google.maps.preview.copy">https://maps.app.goo.gl/8JYZAiGfDubYU2ms6?g_st=com.google.maps.preview.copy</a> 08.00 น. ออกเดินทางไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ระยะ ทาง 72 กิโลเมตร) <div title="Page 2"> 09.30 น.&nbsp;กราบพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 9.55 เมตร สูง 12.45 เมตร ที่ประดิษฐานอยู่ใน วิหารมงคลบพิตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย แล้วไปเข้าชม วัดพระศรีสรรเพชญ์ อดีตวัดหลวงประจําพระราชวังโบราณ มีเจดีย์ทรงลังกาสามองค์วางตัวเรียงยาวตลอดทิศตะวัน ออกและทิศตะวันตก องค์แรกทางฝั่งตะวันออก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2035 โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เพื่อบรรจุ  พระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พระราชบิดา) ต่อมาในปี พ.ศ. 2042 ก็ทรงให้สร้างเจดีย์องค์กลางของ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระเชษฐาต่างพระมารดาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) และในรัชสมัยสมเด็จ พระบรมราชาธิราชที่ 4 (พระหน่อพุทธางกูร) ก็ทรงสร้างเจดีย์อีกองค์ในฝั่งทิศตะวันตกให้ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระราชบิดา) รวมเป็นสามองค์ตามปัจจุบัน ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตร เป็นวัดสําคัญที่สร้างอยู่ใน พระราชวังหลวงเทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย  10.30 น. เข้าชมวัดมหาธาตุ ที่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ มีความสําคัญ อย่างยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุของพระนคร และเป็นที่พํานักของสมเด็จพระ สังฆราชฝ่ายคามวาสี พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าวัดนี้สร้างในสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาพระราเมศวร โปรด เกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดเมื่อ พ.ศ. 1927 พระปรางค์วัดมหา ธาตุถือเป็นปรางค์ที่สร้างในระยะแรกของสมัยอยุธยา ปี ในปีพ.ศ. 2499 กรมศิลปากรขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ พบ ของโบราณสําคัญหลายชิ้น นอกจากนี้ยังมีเศียรพระพุทธรูปหินทรายมีรากไม้ปกคลุมเศียรตั้งแต่่สมัยเสียกรุงเป็น ไฮไลต์สําคัญด้วย  12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้าน Malakor Kitchen and cafe  หลังจากนั้น โรงแรมศาลา อยุธยา เข้าชมผลงานศิลปะ นิทรรศการ&nbsp;&lsquo;Spirit of the Land &mdash; Part 2&rsquo;&nbsp;ของ ศิลปิน Noppanan Thannaree&nbsp;ที่สร้างสรรค์งาน จิตรกรรมทิวทัศน์ผ่านฝีแปรงอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งผลงานชุดที่จัดแสดงนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเยี่ยมชม สํารวจแหล่งโบราณสถานในเมืองโบราณอยุธยา โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันของต้นไม้ที่งอกเงยผ่านกาลเวลาบนพื้นที่ที่ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นประจักษ์พยานในการเปลี่ยนผ่านของสิ่งก่อสร้างที่ครั้งหนึ่งเคย งดงาม แต่ปัจจุบันเสื่อมสลายเหลือเพียงซากปรักหักพัง 14.00 น. เดินทางไปชมวัดเจ้าปราบ ภายในมีมีโบราณสถานสําคัญ คือ พระเจดีย์ พระอุโบสถและพระมณฑป ติดกับกําแพงวัดด้านตะวันออกเฉียงใต้มีแนวรากฐานของคลังดีบุก ซึ่งดีบุกนั้นเป็นส่วยอย่างหนึ่งของบ้านเมืองที่เป็น ของหายาก ในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศได้จัดเป็นสินค้าควบคุม ภายในบริเวณวัดมีเจดีย์รายองค์หนึ่งถูกไม้ใหญ่ ปกคลุมครอบครองทั้งเจดีย์<div title="Page 2"> จากนั้น ชมวัดส้ม วัดที่มีหนึ่งในปรางค์ที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงศรีอยุธยา แล้วจากนั้นไปชม สะพานป่าดินสอ สะพาน โบราณที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง เรียกชื่อนี้เพราะสมัยก่อนละแวกนี้เป็นแหล่งค้าขายดินสอศิลาและเครื่องเขียนต่างๆ ตั้งอยู่ในพื้นที่สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ไม่ปรากฏปีสร้าง แต่มีบันทึกในเอกสารตํานานกรุงเก่าฉบับพระยา โบราณราชธานินทร์ กล่าวถึงสะพานหน้าวัดบรมพุทธาราม ซึ่งเชื่อกันว่าหมายถึงสะพานแห่งนี้ สถาปัตยกรรมนั้นเป็น รูปแบบที่นิยมในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปูพื้นเรียงอิฐเป็นก้างปลา ใต้สะพาน ก่ออิฐสันเหลื่อมตามโครงสร้าง แบบ Corbel Arch เป็นซุ้มโค้งกลีบบัว <div title="Page 3"> หลังจากนั้น ไปชม&nbsp;วัดบรมพุทธาราม วัดที่สําคัญวัดหนึ่งของพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเป็นวัดร้าง อยู่ในเขตรั้ว สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยาเช่นกัน มีประวัติว่า พระเพทราชาโปรดให้สร้างขึ้นที่พระนิเวศน์เดิมของพระองค์ใน บริเวณที่เรียกว่า ย่านป่าตอง ภายในเขตกําแพงเมือง ระหว่างประตูไชยกับคลองฉะไกรน้อย มีชื่อเรียกกันเป็นสามัญว่า วัดกระเบื้องเคลือบ เพราะหลังคาอุโบสถมุงกระเบื้องเคลือบสีเหลืองแกมเขียวต่างไปจากวัดอื่น ๆ ทั่วไปในสมัยนั้นที่มุง กระเบื้องดินเผากันเป็นพื้น และที่น่าสนใจคือวัดบรมพุทธารามมีการวางผังตําแหน่งอาคารหลักในแนวเหนือ-ใต้ (พระอุโบสถหันหน้าไปทางทิศเหนือ) ซึ่งโดยปกติแล้ววัดโดยทั่วไปจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก แต่เนื่องด้วยทางฝั่ง ตะวันออกของวัดนั้นติดคลองฉะไกรน้อย จึงอาจเป็นปัจจัยทําให้ไม่สามารถขยายวัดในแนวตะวันออก-ตะวันตกได้  ปิดท้ายทริปที่วัดขุนเมืองใจ วัดร้างริมถนนโรจนะ ใกล้โรงแรียนอยุธยาวิทยาลัย ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่เชื่อ ว่ามีมาก่อนสมัยอยุธยา จากการศึกษารูปแบบทางสถาปัตยกรรม โดยวัดนี้เคยมีบทบาทสําคัญ อันเนื่องมาจากเป็นที่ ประกอบพิธีถือน้ําพิพัฒน์สัตยา </div></div></div> 18.00 น. เดินทางกลับกรุงเทพ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ระยะทาง 72 กิโลเมตร)  19.30 น.&nbsp;ถึงกรุงเทพฯ&nbsp;โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ FB/IG : Saratta.space www.saratta.space